เมื่อพูดถึงอาหารสุขภาพที่ทำจากถั่ว ทุกคนย่อมนึกถึงถั่วอัลมอนด์กับเม็ดมะม่วงหิมพานต์อย่างแน่นอน
ขณะที่มะพร้าวแม้จะไม่ใช่พืชตระกูลถั่วแต่ก็ได้รับความสนใจมากเช่นกัน ส่วนถั่วลิสงอย่างน้อยก็มีเสิร์ฟ
ให้บรรดาผู้โดยสารบนเครื่องบินนะ แต่ตอนนี้มีดาวเด่นดวงใหม่เริ่มกำลังเป็นที่ฮือฮาในวงการถั่วแล้ว
นั่นคือถั่วแมคคาเดเมียที่นอกจากรสชาติจะอร่อยแล้ว ยังดีต่อสุขภาพของเราอีกด้วย ที่สำคัญมีคุณประโยชน์
ด้านความงามสุดๆ
ขณะที่มะพร้าวแม้จะไม่ใช่พืชตระกูลถั่วแต่ก็ได้รับความสนใจมากเช่นกัน ส่วนถั่วลิสงอย่างน้อยก็มีเสิร์ฟ
ให้บรรดาผู้โดยสารบนเครื่องบินนะ แต่ตอนนี้มีดาวเด่นดวงใหม่เริ่มกำลังเป็นที่ฮือฮาในวงการถั่วแล้ว
นั่นคือถั่วแมคคาเดเมียที่นอกจากรสชาติจะอร่อยแล้ว ยังดีต่อสุขภาพของเราอีกด้วย ที่สำคัญมีคุณประโยชน์
ด้านความงามสุดๆ
1. ถั่วแมคคาเดเมียมีไขมันที่มีประโยชน์ต่อหัวใจ
ซึ่งช่วยลดระดับคลอเรสเตอรอล
เครดิตรูปภาพ :http://www.hatyailike.com/content/detail/3046
แม้ถั่วแมคคาเดเมียจะอัดแน่นไปด้วยแคลอรี่แต่ก็มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวซึ่งดีต่อหัวใจเป็นปริมาณมหาศาล
(เหมือนกับกรดโอเลอิกกับกรดปาลมิโตเลอิก) ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวเป็น “ไขมันดี” ที่ร่างกายของเราต้องการ
และช่วยลดระดับคลอเรสเตอรอล (LDL) กับความดันโลหิตสูงได้
(เหมือนกับกรดโอเลอิกกับกรดปาลมิโตเลอิก) ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวเป็น “ไขมันดี” ที่ร่างกายของเราต้องการ
และช่วยลดระดับคลอเรสเตอรอล (LDL) กับความดันโลหิตสูงได้
อันที่จริงการศึกษาเกี่ยวกับวิตามินและโภชนาการในวารสาร International เมื่อปี 2006 พบว่าไขมันในถั่วแมคคาเดเมีย
ร้อยละ 82.6 คือไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ขณะที่น้ำมันมะกอกมีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวร้อยละ 70-80 ขึ้นอยู่กับชนิดของมัน
ร้อยละ 82.6 คือไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ขณะที่น้ำมันมะกอกมีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวร้อยละ 70-80 ขึ้นอยู่กับชนิดของมัน
2. มีคุณประโยชน์ในการบำรุงผิวพรรณ
ต้องขอบคุณวิตามิน, แร่ธาตุ, สารอาหารที่มีประโยชน์ และสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น แคลเซียม, เหล็ก,
แมกนีเซียม, ซิงค์, เซเลเนียม, น้ำมันปลาฉลาม, โทโคฟีรอล (วิตามินอี) วิตามินเอ และฟลาโวนอยด์
ซึ่งเป็นส่วนประกอบของถั่วแมคคาเดเมียที่ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งจากภายในสู่ภายนอก
บวกกับกรดไขมันที่ปกป้องและสร้างเสริมสุขภาพของเซลล์รวมทั้งให้ความชุ่มชื้นด้วย ขณะที่ฟลาโวนอยด์
กับโทโคฟีรอลในถั่วแมคคาเดเมียจะทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระเพื่อปกป้องผิวจากการถูกทำลาย
แมกนีเซียม, ซิงค์, เซเลเนียม, น้ำมันปลาฉลาม, โทโคฟีรอล (วิตามินอี) วิตามินเอ และฟลาโวนอยด์
ซึ่งเป็นส่วนประกอบของถั่วแมคคาเดเมียที่ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งจากภายในสู่ภายนอก
บวกกับกรดไขมันที่ปกป้องและสร้างเสริมสุขภาพของเซลล์รวมทั้งให้ความชุ่มชื้นด้วย ขณะที่ฟลาโวนอยด์
กับโทโคฟีรอลในถั่วแมคคาเดเมียจะทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระเพื่อปกป้องผิวจากการถูกทำลาย
นอกจากนี้ยังมีหลักฐานว่าน้ำมันปลาฉลามที่อยู่ในถั่วแมคคาเดเมียจะช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด
และช่วยสังเคราะห์วิตามินดีในร่างกาย ดังนั้นการรับประทานถั่วแมคคาเดเมียหรือทาน้ำมันถั่วแมคคาเดเมีย
จะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำมันปลาฉลามในเนื้อเยื่อผิว ที่สำคัญน้ำมันถั่วแมคคาเดเมียยังช่วยในเรื่องการบำรุงผิว
และให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวได้อย่างไม่น่าเชื่อ กรดปาลมิโตเลอิกในน้ำมันจะทำให้ผิวพรรณดูมีน้ำมีนวล เต่งตึง
และผ่องใสมากยิ่งขึ้น พยายามนวดน้ำมันลงบนบริเวณที่มีปัญหา เช่น แผลแห้งตกสะเก็ด และดูประสิทธิภาพ
ในการรักษาของมัน
และช่วยสังเคราะห์วิตามินดีในร่างกาย ดังนั้นการรับประทานถั่วแมคคาเดเมียหรือทาน้ำมันถั่วแมคคาเดเมีย
จะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำมันปลาฉลามในเนื้อเยื่อผิว ที่สำคัญน้ำมันถั่วแมคคาเดเมียยังช่วยในเรื่องการบำรุงผิว
และให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวได้อย่างไม่น่าเชื่อ กรดปาลมิโตเลอิกในน้ำมันจะทำให้ผิวพรรณดูมีน้ำมีนวล เต่งตึง
และผ่องใสมากยิ่งขึ้น พยายามนวดน้ำมันลงบนบริเวณที่มีปัญหา เช่น แผลแห้งตกสะเก็ด และดูประสิทธิภาพ
ในการรักษาของมัน
3. เพิ่มพลังและช่วยทำให้อิ่มท้องนานขึ้น
นอกจากไขมันดีมีประโยชน์แล้วยังอุดมไปด้วยวิตามิน ตั้งแต่วิตามินบีรวมซึ่งช่วยในเรื่องกระบวนการเมทาบอลิก
และทำให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่า แถมมีเส้นใยอาหารจำนวนมหาศาลโดยถั่วแมคคาเดเมียเพียง 11 เม็ดก็ทำให้คุณ
ได้รับเส้นใยอาหารถึงร้อยละ 7 ของปริมาณที่แนะนำให้รับประทานในแต่ละวัน และทำให้อิ่มท้องนานกว่าถั่ว
ชนิดอื่นอีกด้วย
และทำให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่า แถมมีเส้นใยอาหารจำนวนมหาศาลโดยถั่วแมคคาเดเมียเพียง 11 เม็ดก็ทำให้คุณ
ได้รับเส้นใยอาหารถึงร้อยละ 7 ของปริมาณที่แนะนำให้รับประทานในแต่ละวัน และทำให้อิ่มท้องนานกว่าถั่ว
ชนิดอื่นอีกด้วย
4. น้ำมันแมคคาเดเมียเหมาะสำหรับนำมาใช้ปรุงอาหาร
เมื่อพูดถึงเรื่องปรุงอาหาร น้ำมันมะกอกกับคาโนล่าคือน้ำมันที่มีจุดเกิดควันต่ำ ซึ่งหมายความว่าจริงๆแล้ว
น้ำมันสองชนิดนี้ไม่เหมาะนำมาปรุงอาหาร ในทางกลับกันน้ำมันแมคคาเดเมียมีจุดเกิดควันสูงซึ่งเหมาะสำหรับ
การปรุงอาหารที่ไม่ใช้ไฟฟ้า และก่อให้เกิดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูงอย่างไม่น่าเชื่อ
(สูงกว่าน้ำมันคาโนล่าประมาณร้อยละ 20 และในบางกรณีจะเท่ากับหรือสูงกว่าน้ำมันมะกอกเสียอีก)
นอกจากนี้รสชาติเบาๆของมันยังเหมาะที่จะเป็นเครื่องปรุงรสทุกชนิดรวมถึงน้ำราดบนเนื้อปลา, ไก่, ผัก
และอาหารประเภทผัดต่างๆด้วย หรือหากนำมาราดบนข้าวโพดคั่วก็จะช่วยทั้งในเรื่องสุขภาพ
และยังเพิ่มรสชาติอร่อยอีกด้วย
น้ำมันสองชนิดนี้ไม่เหมาะนำมาปรุงอาหาร ในทางกลับกันน้ำมันแมคคาเดเมียมีจุดเกิดควันสูงซึ่งเหมาะสำหรับ
การปรุงอาหารที่ไม่ใช้ไฟฟ้า และก่อให้เกิดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูงอย่างไม่น่าเชื่อ
(สูงกว่าน้ำมันคาโนล่าประมาณร้อยละ 20 และในบางกรณีจะเท่ากับหรือสูงกว่าน้ำมันมะกอกเสียอีก)
นอกจากนี้รสชาติเบาๆของมันยังเหมาะที่จะเป็นเครื่องปรุงรสทุกชนิดรวมถึงน้ำราดบนเนื้อปลา, ไก่, ผัก
และอาหารประเภทผัดต่างๆด้วย หรือหากนำมาราดบนข้าวโพดคั่วก็จะช่วยทั้งในเรื่องสุขภาพ
และยังเพิ่มรสชาติอร่อยอีกด้วย
5. นมแมคคาเดเมียดีกว่านมอัลมอนด์
เมื่อนำมาใส่ในกาแฟ
น้ำมันมะพร้าวเชิญหลบไป!เพราะปี 2015 เป็นปีของถั่วแมคคาเดเมีย
ประโยชน์ของถั่วแมคคาเดเมีย
เครดิตรูปภาพ : immaeatthat.com/2014/01/10/macadamia-nut-banana-cookies/
เมื่อพูดถึงอาหารสุขภาพที่ทำจากถั่ว ทุกคนย่อมนึกถึงถั่วอัลมอนด์กับเม็ดมะม่วงหิมพานต์อย่างแน่นอน
ขณะที่มะพร้าวแม้จะไม่ใช่พืชตระกูลถั่วแต่ก็ได้รับความสนใจมากเช่นกัน ส่วนถั่วลิสงอย่างน้อย
ก็มีเสิร์ฟให้บรรดาผู้โดยสารบนเครื่องบินนะ แต่ตอนนี้มีดาวเด่นดวงใหม่เริ่มกำลังเป็นที่ฮือฮาในวงการถั่วแล้ว
นั่นคือถั่วแมคคาเดเมียที่นอกจากรสชาติจะอร่อยแล้ว ยังดีต่อสุขภาพของเราอีกด้วย
ที่สำคัญมีคุณประโยชน์ด้านความงามสุดๆ
1. ถั่วแมคคาเดเมียมีไขมันที่มีประโยชน์ต่อหัวใจซึ่งช่วยลดระดับคลอเรสเตอรอล
ถั่วแมคคาเดเมียมีประโยชน์ต่อหัวใจ ลดระดับคลอเรสเตอรอล
แม้ถั่วแมคคาเดเมียจะอัดแน่นไปด้วยแคลอรี่แต่ก็มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวซึ่งดีต่อหัวใจเป็นปริมาณมหาศาล
(เหมือนกับกรดโอเลอิกกับกรดปาลมิโตเลอิก) ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวเป็น “ไขมันดี” ที่ร่างกายของเราต้องการ
และช่วยลดระดับคลอเรสเตอรอล (LDL) กับความดันโลหิตสูงได้
อันที่จริงการศึกษาเกี่ยวกับวิตามินและโภชนาการในวารสาร International เมื่อปี 2006 พบว่าไขมันในถั่วแมคคาเดเมีย
ร้อยละ 82.6 คือไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ขณะที่น้ำมันมะกอกมีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวร้อยละ 70-80 ขึ้นอยู่กับชนิดของมัน
2. มีคุณประโยชน์ในการบำรุงผิวพรรณ
ถั่วแมคคาเดเมียมีประโยชน์ในการบำรุงผิวพรรณ
ต้องขอบคุณวิตามิน, แร่ธาตุ, สารอาหารที่มีประโยชน์ และสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น แคลเซียม, เหล็ก, แมกนีเซียม, ซิงค์,
เซเลเนียม, น้ำมันปลาฉลาม, โทโคฟีรอล (วิตามินอี) วิตามินเอ และฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบของถั่วแมคคาเดเมีย
ที่ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งจากภายในสู่ภายนอก บวกกับกรดไขมันที่ปกป้องและสร้างเสริมสุขภาพของเซลล์
รวมทั้งให้ความชุ่มชื้นด้วย ขณะที่ฟลาโวนอยด์กับโทโคฟีรอลในถั่วแมคคาเดเมียจะทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
เพื่อปกป้องผิวจากการถูกทำลาย
นอกจากนี้ยังมีหลักฐานว่าน้ำมันปลาฉลามที่อยู่ในถั่วแมคคาเดเมียจะช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด
และช่วยสังเคราะห์วิตามินดีในร่างกาย ดังนั้นการรับประทานถั่วแมคคาเดเมียหรือทาน้ำมันถั่วแมคคาเดเมีย
จะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำมันปลาฉลามในเนื้อเยื่อผิว ที่สำคัญน้ำมันถั่วแมคคาเดเมียยังช่วยในเรื่องการบำรุงผิว
และให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวได้อย่างไม่น่าเชื่อ กรดปาลมิโตเลอิกในน้ำมันจะทำให้ผิวพรรณดูมีน้ำมีนวล เต่งตึง
และผ่องใสมากยิ่งขึ้น พยายามนวดน้ำมันลงบนบริเวณที่มีปัญหา เช่น แผลแห้งตกสะเก็ด และดูประสิทธิภาพ
ในการรักษาของมัน
3. เพิ่มพลังและช่วยทำให้อิ่มท้องนานขึ้น
ถั่วแมคคาเดเมียเพิ่มพลังและทำให้อิ่มนาน
นอกจากไขมันดีมีประโยชน์แล้วยังอุดมไปด้วยวิตามิน ตั้งแต่วิตามินบีรวมซึ่งช่วยในเรื่องกระบวนการเมทาบอลิก
และทำให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่า แถมมีเส้นใยอาหารจำนวนมหาศาลโดยถั่วแมคคาเดเมียเพียง 11 เม็ด
ก็ทำให้คุณได้รับเส้นใยอาหารถึงร้อยละ 7 ของปริมาณที่แนะนำให้รับประทานในแต่ละวัน และทำให้อิ่มท้องนานกว่า
ถั่วชนิดอื่นอีกด้วย
4. น้ำมันแมคคาเดเมียเหมาะสำหรับนำมาใช้ปรุงอาหาร
น้ำมันแมคคาเดเมียเหมาะนำมาใช้ปรุงอาหาร
เมื่อพูดถึงเรื่องปรุงอาหาร น้ำมันมะกอกกับคาโนล่าคือน้ำมันที่มีจุดเกิดควันต่ำ ซึ่งหมายความว่า
จริงๆแล้วน้ำมันสองชนิดนี้ไม่เหมาะนำมาปรุงอาหาร ในทางกลับกันน้ำมันแมคคาเดเมียมีจุดเกิดควันสูง
ซึ่งเหมาะสำหรับการปรุงอาหารที่ไม่ใช้ไฟฟ้า และก่อให้เกิดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูงอย่างไม่น่าเชื่อ
(สูงกว่าน้ำมันคาโนล่าประมาณร้อยละ 20 และในบางกรณีจะเท่ากับหรือสูงกว่าน้ำมันมะกอกเสียอีก)
นอกจากนี้รสชาติเบาๆของมันยังเหมาะที่จะเป็นเครื่องปรุงรสทุกชนิดรวมถึงน้ำราดบนเนื้อปลา, ไก่, ผัก
และอาหารประเภทผัดต่างๆด้วย หรือหากนำมาราดบนข้าวโพดคั่วก็จะช่วยทั้งในเรื่องสุขภาพ
และยังเพิ่มรสชาติอร่อยอีกด้วย
5. นมแมคคาเดเมียดีกว่านมอัลมอนด์เมื่อนำมาใส่ในกาแฟ
นมแมคคาเดเมียดีกว่านมอัลมอนด์เมื่อนำมาใส่ในกาแฟ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วนมเป็นเพียงทางเลือกเดียวในร้านกาแฟ จากนั้นตามมาด้วยนมถั่วเหลือง
และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานมอัลมอนด์ก็ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในกลุ่มคนผู้รักสุขภาพ
และเมื่อเร็วๆนี้ก็เริ่มมีการใช้กัญชง, เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และกะทิ แต่ล่าสุดร้านกาแฟจิ๋วแต่แจ๋วในลาร์ชมอนท์
ลอสแองเจลีสได้ประกาศว่าลาเต้นมอัลมอนด์-แมคคาเดเมียของพวกเขาเป็น “ลาเต้ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในอเมริกา”
และหวังว่านี่จะกลายเป็นกระแสใหม่ที่สร้างความฮือฮาในปี 2015 นี้ โดยชาร์ลส์ บาบินสกี้ หุ้นส่วนเจ้าของร้าน
กล่าวว่าพวกเขาใส่ถั่วแมคคาเดเมียเพิ่มลงไปเพื่อให้ไขมันผสมกับนมจนมีรสชาติกลมกล่อมและอร่อยอย่างล้ำลึก
Source : www.byrdie.com/macadamia-nut-beauty-benefits/
ประโยชน์ของถั่วแมคคาเดเมีย
เครดิตรูปภาพ : immaeatthat.com/2014/01/10/macadamia-nut-banana-cookies/
เมื่อพูดถึงอาหารสุขภาพที่ทำจากถั่ว ทุกคนย่อมนึกถึงถั่วอัลมอนด์กับเม็ดมะม่วงหิมพานต์อย่างแน่นอน
ขณะที่มะพร้าวแม้จะไม่ใช่พืชตระกูลถั่วแต่ก็ได้รับความสนใจมากเช่นกัน ส่วนถั่วลิสงอย่างน้อย
ก็มีเสิร์ฟให้บรรดาผู้โดยสารบนเครื่องบินนะ แต่ตอนนี้มีดาวเด่นดวงใหม่เริ่มกำลังเป็นที่ฮือฮาในวงการถั่วแล้ว
นั่นคือถั่วแมคคาเดเมียที่นอกจากรสชาติจะอร่อยแล้ว ยังดีต่อสุขภาพของเราอีกด้วย
ที่สำคัญมีคุณประโยชน์ด้านความงามสุดๆ
1. ถั่วแมคคาเดเมียมีไขมันที่มีประโยชน์ต่อหัวใจซึ่งช่วยลดระดับคลอเรสเตอรอล
ถั่วแมคคาเดเมียมีประโยชน์ต่อหัวใจ ลดระดับคลอเรสเตอรอล
แม้ถั่วแมคคาเดเมียจะอัดแน่นไปด้วยแคลอรี่แต่ก็มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวซึ่งดีต่อหัวใจเป็นปริมาณมหาศาล
(เหมือนกับกรดโอเลอิกกับกรดปาลมิโตเลอิก) ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวเป็น “ไขมันดี” ที่ร่างกายของเราต้องการ
และช่วยลดระดับคลอเรสเตอรอล (LDL) กับความดันโลหิตสูงได้
อันที่จริงการศึกษาเกี่ยวกับวิตามินและโภชนาการในวารสาร International เมื่อปี 2006 พบว่าไขมันในถั่วแมคคาเดเมีย
ร้อยละ 82.6 คือไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ขณะที่น้ำมันมะกอกมีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวร้อยละ 70-80 ขึ้นอยู่กับชนิดของมัน
2. มีคุณประโยชน์ในการบำรุงผิวพรรณ
ถั่วแมคคาเดเมียมีประโยชน์ในการบำรุงผิวพรรณ
ต้องขอบคุณวิตามิน, แร่ธาตุ, สารอาหารที่มีประโยชน์ และสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น แคลเซียม, เหล็ก, แมกนีเซียม, ซิงค์,
เซเลเนียม, น้ำมันปลาฉลาม, โทโคฟีรอล (วิตามินอี) วิตามินเอ และฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบของถั่วแมคคาเดเมีย
ที่ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งจากภายในสู่ภายนอก บวกกับกรดไขมันที่ปกป้องและสร้างเสริมสุขภาพของเซลล์
รวมทั้งให้ความชุ่มชื้นด้วย ขณะที่ฟลาโวนอยด์กับโทโคฟีรอลในถั่วแมคคาเดเมียจะทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
เพื่อปกป้องผิวจากการถูกทำลาย
นอกจากนี้ยังมีหลักฐานว่าน้ำมันปลาฉลามที่อยู่ในถั่วแมคคาเดเมียจะช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด
และช่วยสังเคราะห์วิตามินดีในร่างกาย ดังนั้นการรับประทานถั่วแมคคาเดเมียหรือทาน้ำมันถั่วแมคคาเดเมีย
จะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำมันปลาฉลามในเนื้อเยื่อผิว ที่สำคัญน้ำมันถั่วแมคคาเดเมียยังช่วยในเรื่องการบำรุงผิว
และให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวได้อย่างไม่น่าเชื่อ กรดปาลมิโตเลอิกในน้ำมันจะทำให้ผิวพรรณดูมีน้ำมีนวล เต่งตึง
และผ่องใสมากยิ่งขึ้น พยายามนวดน้ำมันลงบนบริเวณที่มีปัญหา เช่น แผลแห้งตกสะเก็ด และดูประสิทธิภาพ
ในการรักษาของมัน
3. เพิ่มพลังและช่วยทำให้อิ่มท้องนานขึ้น
ถั่วแมคคาเดเมียเพิ่มพลังและทำให้อิ่มนาน
นอกจากไขมันดีมีประโยชน์แล้วยังอุดมไปด้วยวิตามิน ตั้งแต่วิตามินบีรวมซึ่งช่วยในเรื่องกระบวนการเมทาบอลิก
และทำให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่า แถมมีเส้นใยอาหารจำนวนมหาศาลโดยถั่วแมคคาเดเมียเพียง 11 เม็ด
ก็ทำให้คุณได้รับเส้นใยอาหารถึงร้อยละ 7 ของปริมาณที่แนะนำให้รับประทานในแต่ละวัน และทำให้อิ่มท้องนานกว่า
ถั่วชนิดอื่นอีกด้วย
4. น้ำมันแมคคาเดเมียเหมาะสำหรับนำมาใช้ปรุงอาหาร
น้ำมันแมคคาเดเมียเหมาะนำมาใช้ปรุงอาหาร
เมื่อพูดถึงเรื่องปรุงอาหาร น้ำมันมะกอกกับคาโนล่าคือน้ำมันที่มีจุดเกิดควันต่ำ ซึ่งหมายความว่า
จริงๆแล้วน้ำมันสองชนิดนี้ไม่เหมาะนำมาปรุงอาหาร ในทางกลับกันน้ำมันแมคคาเดเมียมีจุดเกิดควันสูง
ซึ่งเหมาะสำหรับการปรุงอาหารที่ไม่ใช้ไฟฟ้า และก่อให้เกิดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูงอย่างไม่น่าเชื่อ
(สูงกว่าน้ำมันคาโนล่าประมาณร้อยละ 20 และในบางกรณีจะเท่ากับหรือสูงกว่าน้ำมันมะกอกเสียอีก)
นอกจากนี้รสชาติเบาๆของมันยังเหมาะที่จะเป็นเครื่องปรุงรสทุกชนิดรวมถึงน้ำราดบนเนื้อปลา, ไก่, ผัก
และอาหารประเภทผัดต่างๆด้วย หรือหากนำมาราดบนข้าวโพดคั่วก็จะช่วยทั้งในเรื่องสุขภาพ
และยังเพิ่มรสชาติอร่อยอีกด้วย
5. นมแมคคาเดเมียดีกว่านมอัลมอนด์เมื่อนำมาใส่ในกาแฟ
นมแมคคาเดเมียดีกว่านมอัลมอนด์เมื่อนำมาใส่ในกาแฟ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วนมเป็นเพียงทางเลือกเดียวในร้านกาแฟ จากนั้นตามมาด้วยนมถั่วเหลือง
และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานมอัลมอนด์ก็ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในกลุ่มคนผู้รักสุขภาพ
และเมื่อเร็วๆนี้ก็เริ่มมีการใช้กัญชง, เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และกะทิ แต่ล่าสุดร้านกาแฟจิ๋วแต่แจ๋วในลาร์ชมอนท์
ลอสแองเจลีสได้ประกาศว่าลาเต้นมอัลมอนด์-แมคคาเดเมียของพวกเขาเป็น “ลาเต้ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในอเมริกา”
และหวังว่านี่จะกลายเป็นกระแสใหม่ที่สร้างความฮือฮาในปี 2015 นี้ โดยชาร์ลส์ บาบินสกี้ หุ้นส่วนเจ้าของร้าน
กล่าวว่าพวกเขาใส่ถั่วแมคคาเดเมียเพิ่มลงไปเพื่อให้ไขมันผสมกับนมจนมีรสชาติกลมกล่อมและอร่อยอย่างล้ำลึก
Source : www.byrdie.com/macadamia-nut-beauty-benefits/
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วนมเป็นเพียงทางเลือกเดียวในร้านกาแฟ จากนั้นตามมาด้วยนมถั่วเหลือง
และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานมอัลมอนด์ก็ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในกลุ่มคนผู้รักสุขภาพ
และเมื่อเร็วๆนี้ก็เริ่มมีการใช้กัญชง, เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และกะทิ แต่ล่าสุดร้านกาแฟจิ๋วแต่แจ๋วในลาร์ชมอนท์
ลอสแองเจลีสได้ประกาศว่าลาเต้นมอัลมอนด์-แมคคาเดเมียของพวกเขาเป็น “ลาเต้ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในอเมริกา”
และหวังว่านี่จะกลายเป็นกระแสใหม่ที่สร้างความฮือฮาในปี 2015 นี้ โดยชาร์ลส์ บาบินสกี้
หุ้นส่วนเจ้าของร้านกล่าวว่าพวกเขาใส่ถั่วแมคคาเดเมียเพิ่มลงไปเพื่อให้ไขมันผสมกับนมจนมีรสชาติกลมกล่อม
และอร่อยอย่างล้ำลึก
และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานมอัลมอนด์ก็ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในกลุ่มคนผู้รักสุขภาพ
และเมื่อเร็วๆนี้ก็เริ่มมีการใช้กัญชง, เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และกะทิ แต่ล่าสุดร้านกาแฟจิ๋วแต่แจ๋วในลาร์ชมอนท์
ลอสแองเจลีสได้ประกาศว่าลาเต้นมอัลมอนด์-แมคคาเดเมียของพวกเขาเป็น “ลาเต้ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในอเมริกา”
และหวังว่านี่จะกลายเป็นกระแสใหม่ที่สร้างความฮือฮาในปี 2015 นี้ โดยชาร์ลส์ บาบินสกี้
หุ้นส่วนเจ้าของร้านกล่าวว่าพวกเขาใส่ถั่วแมคคาเดเมียเพิ่มลงไปเพื่อให้ไขมันผสมกับนมจนมีรสชาติกลมกล่อม
และอร่อยอย่างล้ำลึก